
พูดถึงปวดเข่า ใครๆ ก็มองว่าเป็นปัญหาของคนแก่ แต่รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่าง การทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อขาและเข่าเยอะๆ หรือกระทั่งอุบัติเหตุล้มกระแทก ก็สามารถเป็นสาเหตุให้อาการปวดเข่าเกิดขึ้นกับเราได้ตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับเรื้อรังได้หากไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม
แต่อาการเหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหากคุณมีความรู้เกี่ยวกับการปวดหัวเข่าและสามารถรับมือได้อย่างถูกวิธี เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะปวดหัวเข่าทั่วไปหรือปวดหัวเข่าเรื้อรังก็สามารถรู้วิธีรับมือได้แล้ว
ทำความเข้าใจอาการปวดเข่าและสาเหตุ
สามารถแบ่งอาการปวดหัวเข่าได้เป็น 2 ลักษณะหลักๆ ตามอาการปวด ได้แก่
-
ปวดหัวเข่าทั่วไป
- การใช้งานซ้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือกิจกรรมผาดโผน การกระทำนี้จะส่งผลให้เข่ามีอาการเอ็นอักเสบและอาการปวดบริเวณลูกสะบ้า ทำให้เกิดอาการปวดเฉพาะจุดหรือปวดบริเวณใต้ลูกสะบ้า
-
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ปัจจัยนี้จะทำให้เข่าทำงานหนักด้วยต้องรับน้ำหนักมวลกายและสามารถส่งผลให้กระดูกอ่อนเสื่อมเร็วขึ้นระยะยาวได้หากไม่ได้รับการแก้ไข
- ปวดหัวเข่าเรื้อรัง
- ความเสื่อมของหมอนกระดูก เกิดจากหมอนรองกระดูกในข้อเข่าเสื่อมตามอายุ ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของหัวเข่าน้อยลง นำไปสู่อาการปวดหัวเข่าเรื้อรัง
-
- เอ็นอักเสบเรื้อรัง การใช้งานกล้ามเนื้อและเอ็นที่หัวเข่าซ้ำๆ โดยไม่ได้การพักฟื้นส่งผลให้เกิดการอักเสบและปวดเรื้อรังบริเวณเอ็นรอบๆ หัวเข่า หรือใต้ลูกสะบ้า ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดได้จากการฝึกซ้อมกีฬาหรือเล่นกิจกรรมผาดโผนซ้ำ ๆ
-
- ปวดลูกสะบ้าเรื้อรัง เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นกับบริเวณลูกใต้สะบ้าด้านหน้าเข่าซึ่งเกิดจากการเคลื่อนไหวผิดลักษณะ
-
- โรคข้อเข่าเสื่อม สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในอาการปวดหัวเข่าเรื้อรัง เป็นภาวะความเสื่อมของข้อต่อที่เกิดขึ้นเมื่อกระดูก่อนสึกหรอไปตามอายุและการใช้งาน
-
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของเยื่อหุ้มข้อ ทำให้ข้อต่อมีอาการบวมแดง
-
- โรคเกาต์ เกิดจากการสะสมกรดยูริกในข้อต่อ สามารถสร้างอาการปวดอย่างรุนแรงและสร้างความเสียหายถาวรได้หากเป็นเรื้อรัง
ความแตกต่างระหว่างอาการปวดเข่าทั่วไปและเรื้อรัง
สิ่งหลักๆ ที่ทำให้อาการปวดหัวเข่าทั่วไปและปวดหัวเข่าเรื้อรังมีความแตกต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่อาการปวดหัวเข่าเกิดขึ้นว่าอยู่นานแค่ไหน และสาเหตุที่เกิดอาการปวดหัวเข่านั้นๆ
ลักษณะของอาการปวดหัวเข่าทั่วไป
มักเป็นอาการปวดหัวเข่าที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ มีระยะเวลาอยู่ไม่เกิน 6 สัปดาห์ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาปวดหัวเข่าทั่วไปหรือปวดหัวเข่าโดยเท่าไปนั้นมาจาก:
- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิดปวดหัวเข่าเฉียบพลัน เช่น หกล้ม เข่ากระแทก เส้นเอ็นฉีกขาด
- การใช้งานหนักเกินไปชั่วคราว เช่น เล่นกีฬา ทำกิจกรรม กระโดดหรือวิ่งซ้ำๆ
ลักษณะของอาการปวดหัวเข่าเรื้อรัง
มักเกิดขึ้นโดยมีอาการปวดหัวเข่าเรื้อรังอย่างต่อเนื่องหรือเป็นๆ หายๆ เป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือนขึ้นไป โดยมีสาเหตุหลักของอาการปวดหัวเข่าดังนี้:
- ปัญหาสุขภาพ บางครั้งเกิดจากโรคที่เกิดกับข้อต่อโดยตรง หรือเป็นอาการเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น ทำให้กระดูกอ่อนและข้อต่อหัวเข่าเสื่อมสภาพ ไม่สามารถทำงานได้ดีดังเดิม เช่น โรคข้อเข่าอักเสบ โรคเกาต์ โรคข้อต่อรูมาตอยด์
- อาการอักเสบเรื้อรัง จากการบาดเจ็บในอดีตที่ไม่ได้รับการรักษาโดยสมบูรณ์ ทำให้โครงสร้างเข่าเกิดความไม่มั่นคงและเกิดความเสียหายเมื่อใช้งาน
วิธีการดูแลและป้องกัน
เพื่อป้องกันให้การดูแลสุขภาพหัวเข่าเป็นไปอย่างมีสุขภาพนั้น สามารถแบ่งวิธีการดูแลและป้องกันอาการปวดหัวเข่าได้ ดังนี้ :
- ข้อควรปฏิบัติเมื่อเริ่มมีอาการ
- ประคบ ประคบเย็นเมื่อเกิดอาการปวดเฉียบพลัน แต่ถ้าหากปวดหัวเข่าเรื้อรังที่เกิดจากกล้ามเนื้อเกร็งให้ใช้การประคบร้อนเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- หยุดพักกิจกรรม อาการปวดนั้นเกิดจากกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น กีฬา กิจกรรมผาดโผน ให้หยุดพักจากการทำกิจกรรมนั้นทันที
- ปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อให้ประเมินอาการและทำการรักษาที่ถูกต้องในกรณีที่อาการปวดไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ และหากอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นั้นก็ควรได้รับการวินิจฉัยเพื่อปรับแผนการรักษาที่เหมาะสม
- วิธีป้องกันในระยะยาว
- ดูแลพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ทุกพฤติกรรมที่เพิ่มแรงกดต่อข้อเขา เช่น การนั่งทับขา นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งคุกเข่าเป็นเวลานาน รวมถึงใส่รองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน
- สร้างกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรง ได้แก่กล้ามเนื้อช่วงต้นขาด้านหน้าและกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง เพื่อลดภาระไม่ให้เข่าต้องรองรับน้ำหนักโดยตรง ทั้งนี้ควรเล่นกีฬาที่ลดแรงกระแทก ได้แก่ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว โยคะ ฯลฯ
สัญญาณเตือนที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- เกิดอาการเจ็บปวดรุนแรงทนไม่ได้
- มีอาการตัวร้อนและมีไข้ร่วม
- มีอาการเข่าบวมอักเสบ แดง หรือรู้สึกอุ่นร้อนบริเวณหัวเข่า
- รู้สึกว่าหัวเข่าไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้
- รู้สึกเข่าล็อค ไม่สามารถเหยียดหรืองอเข่าได้สุด
- มีอาการปวดหัวเข่าเรื้อรังเป็นเวลานาน
อาการปวดหัวเข่านั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือปวดหัวเข่าทั่วไปและปวดหัวเข่าเรื้อรัง ซึ่งทั้งสองลักษณะนั้นล้วนมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพ อุบัติเหตุ และการใช้งานเข่าที่หนักเกินไป
หากคุณมีอาการปวดหัวเข่าเรื้อรังหรือมีสัญญาณเตือนร้ายแรง BPC ศูนย์กายภาพบำบัดเข่าพร้อมดูแลคุณด้วย 4 ขั้นตอนการบำบัดที่จะนำพาคุณไปสู่การฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์


