ติดต่อตอนนี้
092-275-5090
English
ไทย
092-275-5090
092-275-5090
English
ไทย

ทำกายภาพบำบัดที่ไหนดี

ปวดหลัง ปวดบ่า ปวดไหล่ มีอาการออฟฟิศซินโดรม หรืออาการบาดเจ็บต่าง ๆ ที่ต้องรักษาและฟื้นฟูด้วยการทำกายภาพบำบัด หากใครกำลังมองหาคลินิกกายภาพบำบัดในการรักษา แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่ไหนดี และมีเกณฑ์อย่างไรในการเลือก วันนี้ เรามีเคล็ดลับการเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนมาฝากกัน

1. มีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตใบประกอบโรคศิลปะ สาขากายภาพบำบัดโดยเฉพาะ

ข้อแรกในการเลือกคลินิกกายภาพบำบัด คือ ต้องเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่มีผู้เชี่ยวชาญหรือนักกายภาพบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขากายภาพบำบัดโดยเฉพาะ ซึ่งหากจะกล่าวตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่ขออนุญาตเปิดคลินิกกายภาพบำบัด จะต้องเป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพประกอบโรคศิลปะ สาขากายภาพบำบัด หรือเทียบเท่าเท่านั้น สาเหตุเป็นเพราะการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ผู้รักษาจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งระบบประสาท กระดูก และกล้ามเนื้อ รู้จักกายวิภาค (Anatomy) และสรีระของคนเป็นอย่างดี สามารถตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคได้อย่างแม่นยำ

การรักษาหรือทำกายภาพบำบัดกับผู้ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือมีอาการเรื้อรังมากกว่าเดิม หากว่ามีการรักษาที่ผิดวิธี ด้วยเหตุนี้เราจึงควรตรวจสอบคลินิกกายภาพบำบัดที่เราต้องการเข้าไปใช้บริการว่ามีนักกายภาพบำบัด หรือผู้เชี่ยวชาญให้การรักษาหรือไม่ รวมถึงควรตรวจสอบด้วยว่า คลินิกดังกล่าวได้รับมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง เพื่อการรักษาและฟื้นฟูร่างกายที่มีประสิทธิภาพ

2. คลินิกและนักกายภาพบำบัดมีความน่าเชื่อถือ

นอกจากการตรวจสอบใบอนุญาตในการประกอบสถานพยาบาลของคลินิกแล้ว เราสามารถตรวจสอบคลินิกกายภาพบำบัดได้จากรีวิวประสบการณ์ตรงจากผู้ที่เข้ารับการรักษาจริง ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าเว็บไซต์ของคลินิกกายภาพ เว็บบอร์ด หน้าแฟนเพจ Social Media หรือเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อเป็นการันตีคุณภาพและความเชี่ยวชาญ

3. มีเครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ

ในการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูและรักษาอาการเจ็บปวด นักกายภาพบำบัดจะใช้หลากหลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยหัตถการอย่างการนวด (Manual Technique) ซึ่งเป็นการดึง ดัด และจัดข้อต่อต่าง ๆ ไปจนถึงการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดในการรักษาและฟื้นฟูอาการเจ็บปวดให้บรรเทาและหายเร็วยิ่งขึ้น อย่างการใช้เลเซอร์ ช็อกเวฟ อัลตราซาวนด์ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ซึ่งเครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนล่าง ไหล่ บ่า และคอ โดยจะเข้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อและซ่อมแซมกล้ามเนื้อในระดับเนื้อเยื่อ ช่วยลดอาการเจ็บปวดและอักเสบได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมองหาคลินิกกายภาพบำบัดที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย และครบถ้วน นักกายภาพบำบัดจึงสามารถเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะกับคนไข้ในแต่ละรายได้เป็นอย่างดี

คลินิกกายภาพบำบัดที่ไหนดีที่สุด


4. มุ่งที่คนไข้เป็นหลัก

สิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามไป คือ ปรัชญาของคลินิกในการทำกายภาพบำบัด โดยเราควรจะเลือกคลินิกที่มุ่งเน้นที่ตัวคนไข้เป็นหลัก เพราะการรักษาทางกายภาพบำบัดไม่ใช่การรักษาแบบ One size fits all เพราะแม้ว่าคนไข้ 2 คนปวดหลังในจุดเดียวกัน แต่สาเหตุของอาการปวดหลังอาจจะแตกต่างกันไป และวิธีการรักษาก็มีความแตกต่างกันเช่นเดียวกัน 

ด้วยเหตุนี้ คลินิกกายภาพบำบัดจึงต้องมีการซักประวัติ และตรวจร่างกายคนไข้อย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุและทำความเข้าใจไปถึงการใช้ชีวิตที่เป็นต้นเหตุของอาการบาดเจ็บที่แท้จริง และนำไปสู่การวางแผนการรักษาต่อไป การรักษาที่มุ่งไปที่คนไข้เป็นหลัก

เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้ออย่างอาการปวดหลัง ทั้งบริเวณบ่า และไหล่ หรือบริเวณอื่น ๆ อันเนื่องจากออฟฟิศซินโดรม ด้วยการมุ่งค้นหาต้นตอของปัญหา และร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการนั่นเอง

5. มีการวางแผนการรักษาให้คนไข้ที่ชัดเจนและมีแบบแผน

การรักษาทางกายภาพบำบัดนั้น เป็นการรักษาที่สาเหตุและต้นตอของปัญหา และต้องอาศัยระยะเวลาในการรักษา เพราะคนไข้ส่วนใหญ่กว่าจะตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัดมักจะทนกับอาการเจ็บปวดมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว การรักษาอาการให้หายขาด และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งจึงต้องมีการวางแผนการรักษาที่ชัดเจนและมีแบบแผน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยหัตถการ เครื่องมือทางกายภาพบำบัด และการวางแผนการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล เพื่อให้คนไข้สามารถนำไปฝึกด้วยตัวเองที่บ้าน ในช่วงที่ไม่ได้เข้ารับการบำบัดที่คลินิก เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และป้องกันอาการบาดเจ็บเรื้อรัง หรือเป็นซ้ำที่จุดเดิม

6. สถานที่มีความปลอดโปร่ง สะอาด มีความรู้สึกเป็นส่วนตัว และผ่อนคลาย

การรักษาทางกายภาพบำบัดนั้น เป็นการรักษาที่สาเหตุและต้นตอของปัญหา และต้องอาศัยระยะเวลาในการรักษา เพราะคนไข้ส่วนใหญ่กว่าจะตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่คลินิกกายภาพบำบัดมักจะทนกับอาการเจ็บปวดมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว การรักษาอาการให้หายขาด และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งจึงต้องมีการวางแผนการรักษาที่ชัดเจนและมีแบบแผน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยหัตถการ เครื่องมือทางกายภาพบำบัด และการวางแผนการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล เพื่อให้คนไข้สามารถนำไปฝึกด้วยตัวเองที่บ้าน ในช่วงที่ไม่ได้เข้ารับการบำบัดที่คลินิก เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ และป้องกันอาการบาดเจ็บเรื้อรัง หรือเป็นซ้ำที่จุดเดิม

ที่สำคัญในช่วงที่มีการระบาดของโรคไวรัส คลินิกต้องมีการเพิ่มมาตรการด้านความสะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนและชัดเจน ระหว่างห้องบำบัดรักษา และบริเวณพื้นที่พักคอย (Waiting area) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่มารักษาที่คลินิกอีกด้วย

7. ราคาสมเหตุสมผล

คลินิกกายภาพบำบัดที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงที่สุด แต่ควรจะมีราคาที่พอเหมาะ และสมเหตุสมผลกับการรักษา ซึ่งเราสามารถตรวจสอบราคาค่ารักษาได้จากทางหน้าเว็บไซต์ หรือหากว่าใครไม่แน่ใจก็สามารถสอบถามค่าใช้จ่ายคร่าวๆ จากคลินิก ผ่านช่องทางต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน 

หากยังไม่รู้ว่าจะทำกายภาพบำบัดที่ไหนดี BPC คลินิกกายภาพบำบัด เรามีผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และความสามารถในการรักษาและช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยวิธีการทางกายภาพ พร้อมด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่ทันสมัย ช่วยลดอาการปวดหลังและอาการอื่น ๆ อย่างได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ รวมถึงผู้ป่วยยังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว นัดหมายกับเราเพื่อทำการรักษาหรือรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่โทรศัพท์ 09-2275-5090 / 02-160-0333 หรือ Line: @bpcphysio